Yacht-Master

เครื่องมือบอกเวลาอันทรงคุณค่า

Yacht-Master

เรือนเวลาที่สง่างามและเปี่ยมด้วยเทคนิคนำสมัย Yacht-Master เป็นอุปกรณ์เพื่อการเดินเรือที่เชื่อถือได้

ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้สองทิศทางช่วยให้สามารถวัดและอ่านช่วงเวลาขณะเดินเรือได้อย่างแม่นยำ เครื่องมือบอกเวลานี้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่พัฒนาคุณภาพในการอ่านเวลาได้อย่างชัดเจนและความสบายของผู้สวมใส่ในทุกสถานการณ์

ขอบตัวเรือนหมุนได้สองทิศทาง
เที่ยงตรงและอ่านเวลาได้ชัดเจนบนข้อมือ

เงาของขอบตัวเรือน
ขอบเซรามิกสีดำ
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือน Everose gold
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนแพลทินัม
เงาของขอบตัวเรือน
ขอบตัวเรือนทองคำ
ขอบตัวเรือน Cerachrom

ขอบตัวเรือนหมุนได้สองทิศทางพร้อมขั้นบอกเวลา 60 นาทีเป็นคุณลักษณะสำคัญของ Yacht-Master นาฬิกาเรือนนี้มีอัตลักษณ์จากการรังสรรค์ด้วยโลหะมีค่าทั้งเรือน เช่น Everose gold 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 หรือมาพร้อมขอบหน้าปัด Cerachrom จากเซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงสีดำ

ขอบตัวเรือนพร้อมด้วยมาร์คเกอร์และตัวเลขขัดเงาที่โดดเด่นอย่างชัดเจนจากพื้นผิวด้าน ช่วยรับประกันการอ่านช่วงเวลาได้เต็มศักยภาพสูงสุด เช่น เวลาการเดินเรือระหว่างทุ่นสองทุ่น นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายที่ช่วง 15 นาทีแรกเต็มไปด้วยรายละเอียด ทำให้สามารถอ่านเวลาขณะเดินเรือได้อย่างเที่ยงตรงมากเป็นพิเศษ

กลไกที่หมุนได้สองทิศทางพร้อมวงแหวนที่มีสเกล 120 ร่อง ทำให้ปรับตั้งได้อย่างเที่ยงตรงและละเอียดใกล้เคียงกับช่วงเวลาครึ่งนาทีมากที่สุด และสุดท้ายคือขอบตัวเรือนที่มีความโค้งมน ทำให้นาฬิกาง่ายต่อการใช้งานในทุกสภาวะ

ทองคำ Rolesor และโรลเซียม
อัลลอยล้ำค่าและการผสมผสานสุดพิเศษ

ทองคำของ Rolex เป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างเอกลักษณ์ให้กับ Yacht-Master ทั้งทองคำ ทองคำขาว หรือ Everose gold 18 กะรัตล้วนผลิตจากทองคำบริสุทธิ์ 750‰ โดยหลอมผสมกับเงิน ทองแดง หรือพาลาเดียม ซึ่งผลิตและหล่อขึ้นภายในโรงหล่อของเราเอง

Yacht-Master ทำจาก Everose gold 18 กะรัต โดยมีจำหน่ายในสองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางคือ 37 มม. และ 40 มม. และแต่ละรุ่นต่างมีจำหน่ายพร้อมหน้าปัดประดับเพชรด้วย โดยรุ่นทองคำ 18 กะรัต และทองคำขาว 18 กะรัตได้รับการสงวนไว้สำหรับ Yacht-Master 42

ทองคำของ Rolex ยังได้รับการนำมาเข้าคู่กับ Oystersteel ซึ่งเป็นอัลลอยที่ทนต่อการกัดกร่อนมากเป็นพิเศษบนนาฬิการุ่น Everose Rolesor ของ Yacht-Master 37 และ Yacht-Master 40 โดยผสมผสานขอบตัวเรือนและข้อต่อสายนาฬิกาตรงกลางจาก Everose gold เข้ากับตัวเรือนตรงกลาง เม็ดมะยมไขลาน ตัวเรือนด้านหลัง และข้อต่อสายนาฬิกาด้านนอกจาก Oystersteel

Yacht-Master 37 และ Yacht-Master 40 ยังมีจำหน่ายในรุ่นโรลเซียม ซึ่งเป็นวัสดุที่เกิดจากการหลอมรวมกันระหว่างแพลทินัมและสตีล โดยผสมผสานขอบตัวเรือนแพลทินัมเข้ากับตัวเรือนตรงกลาง เม็ดมะยมไขลาน ตัวเรือนด้านหลัง และสายนาฬิกาจาก Oystersteel

ไทเทเนียม RLX
ทนทานและเบาสบาย

ไทเทเนียม RLX ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกบนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Yacht-Master ในปี 2023 เป็นอัลลอยไทเทเนียมเกรด 5 ที่คัดสรรเฉพาะโดย Rolex และเป็นโลหะที่มีความเบาเป็นพิเศษและเป็นที่รู้จักกันดีถึงความแข็งแรงและคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน เมื่อนำมาใช้ผลิตตัวเรือนและสายของ Yacht-Master 42 จึงทำให้น้ำหนักของนาฬิกาโดยรวมเบาลงถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับนาฬิกาสตีลในลักษณะเดียวกัน ไทเทเนียม RLX นั้นมีลักษณะซับซ้อนเมื่อนำมาใช้ในงานผลิต และจำเป็นจะต้องมีกรรมวิธีการผลิตที่พิเศษอย่างมาก

นอกจากนี้ นาฬิการุ่นนี้ยังแสดงศักยภาพชั้นเลิศของเราในการแต่งผิวให้มีความเงางามสูงและใช้เทคนิคการแต่งผิวลายซาติน ทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นความลงตัวระหว่างพื้นผิวและการเล่นแสง ผ่านพื้นผิวเคลือบเงาบนขอบป้องกันเม็ดมะยม และความเงางามเป็นพิเศษที่ส่วนขอบของขานาฬิกา ตัดกับการแต่งผิวลายซาตินด้านที่จะช่วยให้เกล็ดระยิบระยับโดดเด่นออกมาบนตัวเรือนและสาย

ไทเทเนียม RLX
Yacht-Master

สายนาฬิกา ชุดตัวล็อก และระบบขยายสาย
ปลอดภัยและสวมใส่สบายบนข้อมือ

Oysterflex
สาย Oysterflex เปิดตัวเมื่อปี 2015 บนนาฬิการุ่น Yacht-Master 37 และ Yacht-Master 40 ในวัสดุ Everose gold 18 กะรัต การออกแบบที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนาฬิกาสปอร์ต
โดยได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex และเป็นการผสมผสานความทนทานและความน่าเชื่อถือของสายนาฬิกาโลหะเข้ากับความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย และความงามของสายอีลาสโตเมอร์ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งยังมาพร้อมกับบานพับสายแบบโค้งมนและยืดหยุ่นสองชิ้น โดยติดตั้งด้านละหนึ่งชิ้น และหล่อทับด้วยอีลาสโตเมอร์สีดำประสิทธิภาพสูง
สาย Oysterflex ยังมาพร้อมกับระบบหนุนรองตามแนวนอนด้านในเพื่อความสบายเหนือระดับ ทั้งยังมีความทนทานต่อปัจจัยภายนอกต่างๆ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้บนผิวหนัง และมีความทนทานสูงด้วย Yacht-Master ยังมีการติดตั้งชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock เพื่อป้องกันสายนาฬิกาเลื่อนเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ
ระบบขยายสาย Rolex Glidelock
นอกจากนี้ยังสามารถปรับสายได้เองด้วยระบบขยายสาย Rolex Glidelock กลไกฟันจักรนี้ผ่านการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดยแบรนด์ และช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับความยาวของสายนาฬิกาได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย
ระบบขยายสาย Rolex Glidelock บนสาย Oysterflex มีระยะความกว้างให้เลือกปรับถึง 6 ร่อง ร่องละประมาณ 2.5 มม. ทำให้สายนาฬิกาสามารถขยายได้กว้างสูงสุดถึงประมาณ 15 มม.
สายนาฬิกา Oyster
Yacht-Master 37 และ Yacht-Master 40 ในรุ่นวัสดุโรลเซียมและ Everose Rolesor รวมถึง Yacht-Master 42 ในรุ่นวัสดุไทเทเนียม RLX นั้นมาพร้อมกับสายนาฬิกา Oyster ของเรา
สายนาฬิกาโลหะที่พัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1930 และเป็นสายนาฬิกาที่มีความเป็นสากลมากที่สุดในคอลเล็กชัน Oyster Perpetual ข้อสายนาฬิกาแบบข้อต่อสามที่เรียงกันนั้นช่วยมอบความสบายยามสวมใส่ และให้ความทนทาน ในเวอร์ชัน Everose Rolesor ข้อสายนาฬิกาตรงกลางจะทำจากโลหะมีค่า และข้อต่อสายนาฬิกาด้านนอกจะทำจาก Oystersteel
ระบบ Easylink
สายนาฬิกา Oyster ของ Yacht-Master มาพร้อมกับระบบ Easylink ซึ่งเป็นระบบขยายสายแบบรวดเร็วที่อยู่ใต้ฝาครอบชุดตัวล็อก Oysterlock ระบบดังกล่าวช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับขนาดสายนาฬิกาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยสามารถปรับได้ถึงประมาณ 5 มม. เพียงการเปิดข้อสายนาฬิกาและพับปิดเข้าไปใหม่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายนาฬิกา

หน้าปัดโครมาไลท์และเลนส์ Cyclops
เพื่อความสามารถในการอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน

Yacht-Master มาพร้อมหน้าปัดโครมาไลท์และเลนส์ Cyclops ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของ Rolex สองประการที่ช่วยให้การอ่านเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาทำได้ดียิ่งขึ้น

หน้าปัดโครมาไลท์มอบความสะดวกสบายถึงขีดสุดในการอ่านเวลาไม่ว่าคุณภาพแสงในขณะนั้นจะเป็นแบบใด เข็มนาฬิกาและเครื่องหมายบอกชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่ได้รับการเติมสารเรืองแสงโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีรูปทรงอันเรียบง่าย อันได้แก่ สามเหลี่ยม วงกลม และสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาสำหรับมืออาชีพของ Rolex สารเรืองแสงจะเปล่งแสงสีขาวสว่างในแสงธรรมชาติตอนกลางวัน และเรืองแสงสีฟ้าเข้มเมื่ออยู่ในความมืด

หน้าปัดโครมาไลท์ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในปี 2008 และหลังจากนั้นได้มีการพัฒนาต่อยอดในปี 2021 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรืองแสงสีฟ้าได้อย่างยาวนานขึ้น ประสิทธิภาพของสารเรืองแสงนี้ได้ผลักดันมาตรฐานการผลิตนาฬิกาให้หลุดออกจากขนบการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง

ส่วนเลนส์ Cyclops นั้นถูกออกแบบขึ้นเพื่อปรับปรุงความสามารถในการแสดงผลวันที่ โดยมีคุณสมบัติเดียวกับแว่นขยาย เลนส์ Cyclops จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เพียบพร้อมทั้งความงามและคุณภาพทางเทคนิค นวัตกรรมของ Rolex ชิ้นนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรในช่วงต้นทศวรรษ 1950 และเช่นเดียวกับกระจกนาฬิกา มันทำขึ้นจากแซฟไฟร์ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริง ก่อนจะเคลือบป้องกันการสะท้อนสองชั้น

Chromalight

คาลิเบอร์ 3235 และ 2236
สมรรถนะอันเหนือชั้น

คาลิเบอร์ 3225
Yacht-Master 40 และ Yacht-Master 42 มาพร้อมกับคาลิเบอร์ 3235 อันเป็นกลไกการทำงานที่พัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex แต่เพียงผู้เดียว โดยกลไกการทำงานของระบบขึ้นลานอัตโนมัตินี้มีความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถืออย่างมาก

คาลิเบอร์ 3235 มาพร้อมสิทธิบัตรหลายฉบับ โดยติดตั้งด้วยแฮร์สปริง Parachrom และชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ซึ่งทั้งสองล้วนทนทานต่อสนามแม่เหล็กพลังสูง ทั้งยังมาพร้อมกับตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ที่ทำหน้าที่ปกป้องออสซิลเลเตอร์จากแรงกระแทก

นาฬิกา Yacht-Master 40 และ Yacht-Master 42 ผ่านการรับรอง Superlative Chronometer ที่รับประกันประสิทธิภาพยอดเยี่ยมทั้งในด้านความเที่ยงตรง (-2/+2 วินาทีต่อวัน) และการเดินโดยไม่ต้องไขลาน (ประมาณ 70 ชั่วโมง)
คาลิเบอร์ 2236
Yacht-Master 37 ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 2236 อันเป็นกลไกการทำงานของระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาและผลิตโดย Rolex มาพร้อมฟังก์ชันตั้งวันที่ที่มอบประสิทธิภาพระดับเหนือชั้นในด้านความเที่ยงตรง การเดินโดยไม่ต้องไขลาน ความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน และความน่าเชื่อถือ

คาลิเบอร์ 2236 ติดตั้งกับตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex และมอบพลังงานสำรองเป็น 55 ชั่วโมงโดยประมาณ ทั้งยังมาพร้อมแฮร์สปริง Syloxi จากซิลิคอน แฮร์สปริงสิทธิบัตรนี้ทำให้นาฬิกามีความเสถียรสูงแม้ต้องเผชิญกับความผันผวนของอุณหภูมิ และยังทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็กได้ดี รูปร่างอันพิเศษเฉพาะของมันทำให้มั่นใจได้ถึงการทำงานของกลไกการทำงานที่จะเป็นปกติไม่ว่าจะใส่นาฬิกาในตำแหน่งใดก็ตาม ดังเช่นนาฬิกาของ Rolex ทุกเรือน Yacht-Master 37 ได้รับการรับรอง Superlative Chronometer